11/09/2550

สุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) คืออะไร

สุนทรียศาสตร์


มาจากภาษาสันสฤตว่า “ สุนทรียะ ” แปลว่า “ งาม ” และ “ ศาสตร์ ” แปลว่า “ วิชา ” เมื่อรวมความแล้ว จึงแปลได้ว่า

" วิชาที่ว่า ด้วยสิ่งสวยงาม "

ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Aesthetics” (เอ็ซเธทถิกส์) โดยศัพท์ คำนี้เกิดจากนักปรัชญาเหตุผลนิยมชาวเยอรมันชื่อ โบมกาเต้น ( Alexander Gottlieb Baumgarten ) ซึ่งสร้างคำจากภาษากรีกคำว่า “Aisthetikos” (อีสเธทิโคส) แปลว่า “ รู้ได้ด้วยผัสสะ ”ความงามอาจเป็นสิ่งลึกซึ้งที่มีอยู่ในทุกสิ่ง อาจจะเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่ปราศจากการปรุงแต่ง หรืออาจจะเป็นคุณสมบัติในทางศีลธรรม หรือสิ่งที่โน้มน้าวใจให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้ง ปลาบปลื้ม ความงามอาจมีอยู่รอบๆ ตัวเรา ทั้งสิ่งที่มนุษย์เราสร้างขึ้นมาเอง ทั้งสิ่งที่เกิดโดยธรรมชาติศัพท์ Aesthetics ในภาษาอังกฤษกำหนดไว้ให้หมายถึง วิชาที่ว่าด้วยศิลปะโดยทั่วไป
อาจแบ่งเป็นสาขาต่าง ๆ ดังนี้

  • ประวัติศาสตร์ศิลปะ
  • ศิลปวิจารณ์
  • ทฤษฎีศิลปะ
  • จิตวิทยาศิลปะ
  • สังคมวิทยาศิลปะ
  • ปรัชญาศิลปะ

สุนทรียศาสตร์ (Aestheties) เป็นเนื้อหาว่าด้วยการศึกษาเรื่องมาตรฐานของความงามในเชิงทฤษฎีอันเกี่ยวกับประสบการณ์ทางสุนทรียภาพ กฎเกณฑ์ทางศิลปะ สุนทรียศาสตร์นับว่าเป็นแขนงหนึ่งของปรัชญาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแสวงหาคุณค่า (Axiology) ในสมัยก่อนวิชานี้เป็นที่รู้จักกันในรูปของวิชา “ทฤษฎีแห่งความงาน” (Theory of Beauty) หรือปรัชญาแห่งรสนิยม (Philosophy of taste)คำว่า “สุนทรียศาสตร์” มาจากศัพท์ภาษาบาลีว่า“สุนทรียะ” แปลว่าดี งาม สุนทรียศาสตร์จึงมีความหมายตามรากศัพท์ว่าวิชาที่ว่าด้วยความงาม ในความหมายของคำเดียวกันนี้ นักปราชญ์ ชาวเยอรมันชื่อAisthetics Baumgarten (1718 – 1762) ได้เลือกคำในภาษากรีกมาใช้คำว่า Aisthetics ซึ่งหมายถึงการรับรู้ตามความรู้สึก (Sense Perception) เป็นวิชาเกี่ยวกับเรื่องทฤษฎีแห่งความงามตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Aesthetics ส่วนในภาษาไทยใช้คำว่าสุนทรียศาสตร์หรือวิชาศิลปะทั่วไป ดังนั้น จึงถือว่าศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของสุนทรียศาสตร์หรือเมื่อกล่าวถึงสนุทรียศาสตร์เมื่อใดก็มักจะเกี่ยวข้องกับงานศิลปะนั่นเองเนื้อหาของสุนทรียศาสตร์นั้นว่าด้วยคามคิดรวบยอดเรื่องความงาม


การที่จะนิยามว่าความงามคืออะไรนั้นก็ยังไม่เป็นที่ยุติและเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นปัญหาสำคัญของสุนทรียศาสตร์อย่างหนึ่ง แต่ปัญหาที่ว่าความงามคืออะไรนั้นนักศิลป์ทั่วไปไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไรนัก แต่เขาจะพยายามทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างความงามขึ้นด้วยศิลปะของเขา ซึ่งความสนใจดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นสัญชาติญาณของศิลป จุดมุ่งหมายของสุนทรียศาสตร์ก็คือความพยายามยกระดับของการสร้างสรรค์และความสนใจในศิลปะซึ่งเป็นไปตามสัญชาตญาณนั้นให้เป็นพฤติกรรมที่เต็มไปด้วยปัญญา ทั้งนี้ก็เพื่อให้เข้าใจถึงหลักการขั้นมูลฐานของพฤติกรรมเกี่ยวกับศิลปะ


ดังนั้น สุนทรียศาสตร์จึงเริ่มเรื่องด้วยการพิจารณาเรื่องการสร้างสรรค์ศิลปะและความสนใจในศิลปะ คำตอบจากปัญหานี้ก็ได้จากการพยายามค้นหาความหมายของความงามนั่นเอง ความหมายของความงามก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรับรู้ของมนุษย์ในปัจจุบันสุนทรียศาสตร์มีความหมายที่มีขอบเขตอิสระมากขึ้น ความหมายของคำนี้ในทางวิชาการก็คือ เป็นวิชาที่เกี่ยวกับการศึกษาศิลปะแขนงต่าง ๆ หลักการของศิลปะ กระบวนการสร้างสรรค์ศิลปะ ประสบการณ์ทางศิลปะ นอกจากนี้ขอบเขตของความหมายยังได้ครอบคลุมไปถึงศิลปะกับชีวิตและสังคมร่วมทั้งความงามและปรากฎการณ์ที่งดงามของธรรมชาติอีกด้วย


สุนทรียศาสตร์มีความสำคัญคือ


มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความงามเป็นสิ่งเร้าที่ทำให้มนุษย์เกิดความรู้สึกพึงพอใจจึงนับว่ามีประโยชน์ เช่นส่งเสริมกระบวนการคิด การตัดสินความงามอย่างสมเหตุสมผล ช่วยกล่อมเกลาให้เนผู้มีจิตใจอ่อนโยน มองโลกในแง่ดีอย่างมีเหตุมีผล เสริมสร้างประสบการณ์สุนทรียะให้กว้างขวางเพื่อการดำรงอยู่อย่างสันติสุข ส่งเสริมแนวทางในการแสวงหาความสุขทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ส่งเสริมให้เห็นความสัญของสรรพสิ่งและการบูรณาการเพื่อการประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์กับชีวิตประจำวันด้วยเหตุผลและความรู้สึกที่สอดคล้องกัน ส่งเสริมความเจริญทางปัญญาและความเจริญทางอารมณ์ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆในกิจกรรมทางศิลปะ



สุนทรียศาสตร์มีความสำคัญต่อวิชาชีพพยาบาล

สุนทีรยศาสตร์คือ ชีวิต ประกอบด้วย จิต และกาย สุนทรียศาสตร์มีความสำคัญคือ มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตทั้งทางร่างกายและจิตใจ ความงามเป็นสิ่งเร้าที่ทำให้มนุษย์เกิดความรู้สึกพึงพอใจจึงนับว่ามีประโยชน์ เช่นส่งเสริมกระบวนการคิด การตัดสินความงามอย่างสมเหตุสมผล ช่วยกล่อมเกลาให้เป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน มองโลกในแง่ดีอย่างมีเหตุมีผล เสริมสร้างประสบการณ์สุนทรียะให้กว้างขวางเพื่อการดำรงอยู่อย่างสันติสุข ส่งเสริมแนวทางในการแสวงหาความสุขทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมส่งเสริมให้เห็นความสำคัญของสรรพสิ่งและการบูรณาการเพื่อการประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์กับชีวิตประจำวันด้วยเหตุผลและความรู้สึกที่สอดคล้องกัน ส่งเสริมความเจริญทางปัญญาและความเจริญทางอารมณ์ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ในการปฏิบัติทางการพยาบาลหรือการดำเนินงานใดๆอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยสิ่งของหรือช่องทางหรือวิธีการต่างๆเข้าด้วยกันอย่างสอดคล้องเหมาะสมกับกาละเทศะและสภาวะซึ่งสอดคล้องกับกระบวนการพยาบาล ที่ว่าการดูแลคนแบบองค์รวมต้องดูแลทั้งทางด้านร่างกาย ทางด้านจิตใจ ทางสังคมและปัญญา ด้วยเหตุผลและความรู้สึกที่สอดคล้องกันจึงจะเรียกว่า

"ชีวิตที่สมบูรณ์"

บทสรุปสุนทรียศาสตร์

ดนตรี เป็นสื่อสุนทรียศาสตร์ ที่มีความละเอียด ประณีต มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมนุษย์ ทั้งทางกาย และทางจิต เมื่อเราได้ยินเสียงดนตรีที่สงบ ก็จะทำให้จิตสงบ อารมณ์ดี หากได้ยินเสียงเพลงที่ให้ความบันเทิงใจ ก็จะเกิดอารมณ์ที่สดใส ทั้งนี้เพราะดนตรีเป็นสื่อสุนทรียที่สร้างความสุข ความบันเทิงใจให้แก่มนุษย์ เป็นเครื่องบำบัดความเครียด สร้างสมาธิ กล่อมเกลาจิตใจให้สุขุม เยือกเย็น อารมณ์ดี โดยที่ไม่ต้องเสียเวลา หรือเสียเงินซื้อหาแต่อย่างใด ดนตรีมีคุณค่าต่อมนุษย์มากมาย ดังเช่น เสาวนีย์ สังฆโสภณ (2541 : 7 – 8) กล่าวว่า จากงานวิจัยของต่างประเทศ ทำให้เราทราบว่า ดนตรีมีผลต่อการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ ระบบกล้ามเนื้อ และสภาพจิตใจ ทำให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด ทำให้เกิดสติ ความรู้สึกนึกคิดที่ดี และนำมาใช้ได้ผลในเรื่องการคลายความเครียด ลดความวิตกกังวล ลดความกลัว บรรเทาอาการเจ็บปวด เพิ่มกำลัง และการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยนิยมใช้ในงานฟื้นฟูสุขภาพคนทั่วไป พัฒนาคุณภาพชีวิต ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพอการ ผู้ป่วยโรคจิต และเด็กมีความต้องการเป็นพิเศษ เป็นต้น


ดนตรีเป็นศิลปะที่อาศัยเสียงเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ไปสู่ผู้ฟัง เป็นศิลปะที่ง่ายต่อการสัมผัส ก่อให้เกิดความสุข ความปิติพอใจแก่มนุษย์ได้ มีคนเคยกล่าวว่า ดนตรีเป็นภาษาสากล เพราะเป็นสื่อความรู้สึกของชนทุกชาติได้ ดังนั้น คนที่โชคดีมีประสาทรับฟังเป็นปกติ ก็สามารถหาความสุขจากการฟังดนตรีได้ เมื่อเราได้ฟังเพลงที่มีจังหวะ และทำนองที่ราบเรียบ นุ่มนวล จะทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียด ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราได้ฟังดนตรี ที่เลือกสรรแล้ว จะช่วยทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี อันมีผลดีต่อสุขภาพร่างกายด้วย ดนตรีจึงเปรียบเสมือน ยารักษาโรค การที่มีเสียงดนตรีรอบบ้าน เปรียบเสมือนมีอาหารและวิตามิน ที่ช่วยทำให้คนเรามีสุขภาพแข็งแรง

นอกจากนี้ วารสารสกุลไทย (27 ก.ค.2542 หน้า 23) คอลัมน์ “รอบทิศทางในต่างแดน” โดย เอ็กซ์บีเอ็น ตีพิมพ์เรื่อง “การรักษาโรคด้วยดนตรี หรือเสียงเพลง” กล่าวว่า เด็กชายวัย 4 ขวบ ชื่อ แมททีโอ อยู่ในนิวยอร์ก เป็นเด็กพิการทางสมอง เคลื่อนไหวไปมาไม่คล่องแคล่วเหมือนเด็กอื่น ๆ คิดช้า พูดน้อย ไม่ถูกใจอะไรสักอย่างแม่แต่เรื่องเล็กน้อย ก็หัวเสียอย่างขนานใหญ่ แต่เมื่อใดที่ แมททีโอ ได้พบกับ นายไคลฟ์ รอบบินส์ นักบำบัดรักษาด้วยเครื่องดนตรี ก็จะมีความสุขที่สุด เมื่อใช้ไม้ตีกลองอย่างสนุกสนาน แมททีโอ ใช้มือข้างหนึ่งจับขอบกลอง ประคองตัว เอามืออีกข้างหนึ่งตีกลอง ตามจังหวะเสียงเพลงที่ นายรอบบินส์ คิดขึ้นมาในขณะนั้น เล่นกลองได้สักพักหนึ่งก็เคลื่อนตัวไปเล่นเปียโน ใช้นิ้วเล็ก ๆ หนึ่งหรือสองนิ้ว กดคีย์เปียโน อย่างสนุกสนาน สามารถเล่นตามจังหวะ ส่งเสียงหัวเราะด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกัน ก็เรียนรู้การประคองตัวไม่ให้ล้มลง ใช้อวัยวะแขนขาช่วยการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น คนสูงอายุ วัย 79 ปี หายป่วยจากอาการเส้นโลหิตแตกในสมอง เขาฟังเพลงวอลซ์ ของเวียนนา เพื่อช่วยให้เขาเรียนวิธีเดินเหินอย่างคนธรรมดาขึ้นใหม่ สตรีผู้หนึ่งกำลังอยู่ในช่วงปวดท้องจะคลอดบุตร ได้ฟังเพลงพื้นเมืองของ ลีแอน ไรมส์ จากเครื่องสเตอริโอ เพื่อช่วยให้เธอผ่านวิกฤตอันเจ็บปวดรวดร้าว แม้แต่คนที่มีสุขภาพสมบูรณ์ก็สามารถฟังเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี คลายความเครียดจากงานประจำวัน



การวิจัยเมื่อ พ.ศ.2539 นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยบโคโลราโดเสตท พยายามให้ผู้ป่วยเส้นโลหิตในสมองแตก จำนวน 10 คน ฟังดนตรีกระตุ้นวันละ 30 นาที เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่มิได้เข้ารับการบำบัดด้วยดนตรี พวกเขามีความสามารถปรับปรุงการเดิน การเคลื่อนไหวได้มากกว่าเดิม นักวิจัยชาวสก๊อต พบว่า การให้ผู้ป่วยรักษาอาการเส้นโลหิตแตกในสมอง ตามสถาบันบำบัดฟังเพลงคลาสสิก ของโมสาร์ท หรือเมนเดลโซล ทุกวัน จะช่วยให้คนไข้มีอารมณ์แจ่มใสอย่างมาก การทดสอบทางจิตวิทยาแสดงว่า คนไข้ผู้รับการบำบัดด้วยดนตรีทุกวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ จะมีอารมณ์ความรู้สึกซึมเศร้าน้อยลง กระวนกระวายน้อยลง เป็นตัวของตัวเอง และสังคมกับผู้อื่นมากขึ้น ผู้ป่วยสูงอายุที่เป็นโรคความจำเสื่อม และโรคประสาทชนิดอื่น ๆ ก็ได้รับประโยชน์จากการบำบัดด้วยดนตรี หรือเสียงเพลง นักบำบัดด้วยดนตรีของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยในนครคลีฟแลนด์ ชื่อ ดีฟอเรีย เลน แสดงผลออกมาว่า ดนตรีสามารถส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของเด็ก ๆ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษา เมื่อปี พ.ศ.2538 ของนักวิจัยรัฐหลุยส์เซียนา ระบุว่า ทารกที่คลอดก่อนกำหนด เมื่อได้ฟังเพลงเด็ก ขับกล่อมในโรงพยาบาล สามารถกลับบ้านได้เร็วกว่าเด็กที่ไม่ได้ฟังเพลงขับกล่อม ดนตรี หรือเสียงเพลง ทำงานอย่างวิเศษเช่นนี้ได้อย่างไร คำตอบคือ ยังไม่มีใครทราบอย่างแท้จริง ดังที่นักบำบัดด้วยดนตรีผู้หนึ่งบอกว่า ยังมีความลึกลับในเรื่องนี้อยู่ แต่ก็มีเงื่อนงำที่บอกเราได้ นักวิจัยทราบกันมานานแล้วว่า การฟังดนตรี หรือเสียงเพลงมีอิทธิพลโดยตรงต่อชีพจร ความดันโลหิต และการเคลื่อนตัวของไฟฟ้าของกล้ามเนื้อของคนเรา นักวิทยาศาสตร์ด้านประสาทวิทยา มีความสงสัยในเวลานี้ว่า “บางทีดนตรีจะสามารถช่วยสร้างและเสริมสร้างความเกี่ยวพันในหมู่เซลล์ประสาทในสมองด้านนอก”


นักวิทยาศาสตร์ด้านประสาทวิทยา มีความสงสัยในเวลานี้ว่า “บางทีดนตรีจะสามารถช่วยสร้างและเสริมสร้างความเกี่ยวพันในหมู่เซลล์ประสาทในสมองด้านนอก”
จากที่กล่าวมานี้ เป็นคุณประโยชน์ของดนตรีที่มีต่อมนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะกล่าวถึงดนตรีมีผลต่อสภาวะทางร่างกาย แต่ความเป็นจริงแล้ว ดนตรีเป็นเรื่องของ “จิต” แล้วส่งผลดีมาสู่ “กาย” ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไร ที่เรามักจะได้ยินว่า ดนตรีช่วยกล่อมเกลาจิตใจ ทำให้คนอารมณ์ดี ไม่เครียด คลายปวด ฯลฯ เพราะดนตรีเป็นสื่อสุนทรียะ ที่ถ่ายทอดโดยใช้เสียงดนตรีเป็นสื่อ


สุดท้ายของการบรรยายเรื่อง “สุนทรียศาสตร์ ทางดนตรี” จึงสรุปเป็นข้อคิดจากการศึกษามนเรื่องของความงามในเสียงดนตรี ผู้เสพ ควรเลือกว่าจะเสพเพียงแค่ “เป็นผู้เสพ” หรือจะเป็น “ผู้ได้รับประโยชน์จากการเสพ” เพราะดนตรีนั้นงามโดยใช้เสียงเป็นสื่อ แต่ขั้นตอนสำคัญในการถ่ายทอดคือ นักดนตรีถ่ายทอดโดยใช้ “จิต” ผู้ฟังรับสื่อโดยใช้ “จิต” เป็นตัวรับรู้รับสัมผัสอารมณ์ต่าง ๆ ผลจากการรับสัมผัสด้วยจิตนั้น เพลงที่สงบ ราบเรียบ จิตก็จะว่าง (สุญญตา) ทำให้จิตขณะนั้นปราศจาก “กิเลส” ผู้ฟังจึงรู้สึกสบายใจ คลายความวิตกกังวล คลายความเศร้า คลายความเจ็บปวด ผู้ฟังเกิดสมาธิ จึงเป็นผลให้สมอง ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากผู้ฟังฟังเพลงที่ยั่วยุไปในทางกิเลส จังหวะรุกเร้ามาก จิตก็จะว่าวุ่น ฟุ้งซ่าน ขาดสมาธิ ไม่เป็นผลดีต่อ “กาย”


ความหมายของดนตรี


ความหมายของ Music ในภาษากรีก หมายถึง ศิลปะประเภทหนึ่ง ไม่เฉพาะแต่การเล่นเครื่องดนตรี การร้องเพลง หรือลีลาศเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงอักษรศาสตร์ทุกประเภท โดยเฉพาะ บทกวี นาฎกรรม วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ด้วย
สุกรี เจริญสุข (2532 : 8 – 9) กล่าวถึงความหมายของดนตรีว่า ดนตรีเป็นงานศิลปะที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยอาศัยเสียงเป็นสื่อถ่ายทอดความรู้สึกของศิลปิน เสียงดนตรีเป็นเสียงที่มีความงาม นำมาเรียบเรียงอย่างมีศิลปะ กลายเป็นบทเพลง

ความแตกต่างระหว่างเสียงดนตรีกับเสียงอื่น ๆ คือ เสียงดนตรีเป็นเสียงที่ประดิษฐ์ขึ้น โดยอาศัยความงดงามของเสียง ศิลปินผู้สร้างเสียงได้สอดใส่อารมณ์ลงไปในเสียง เพื่อให้เสียงมีความรู้สึกทางศิลปะ (วิญญาณของศิลปะ) ส่วนเสียงอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เสียงดนตรี เป็นเพียงเสียงที่ขาดคุณสมบัติทางศิลปะ กล่าวคือ ขาดความรู้สึกทางศิลปะในเสียง ขาดวิญญาณศิลปินในเสียง
อารมณ์ ความรู้สึก สิ่งที่มากระทบตัณหา หรือความอยาก สิ่งเหล่านี้จะถูกบันทึกลงไปในดนตรี เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของศิลปะ อารมณ์ในดนตรีก็เหมือนกับอารมณ์ชีวิต ศิลปินถ่ายทอดลงไปในผลงานดนตรีที่มีอารมณ์ก็จะสื่อไปกระทบความรู้สึกต่อผู้ชม หรือผู้ฟังได้ ศิลปินเก่งผลงานดี ย่อมมีโอกาสถ่ายทอดอารมณ์ไปสู่ผู้ฟังได้ดี
ดนตรีเป็นศิลปะที่ถูกนำไปแปรความหมายต่าง ๆ มากมาย การค้นหาความหมายในเสียงดนตรี นักภาษาศาสตร์ได้พยายามนำเสียงดนตรีมาตีความ ให้นิยายที่ได้ยินทั่วไปว่า “ดนตรีเป็นภาษาสากล” บางครั้งก็จะได้ยินว่า “ดนตรีเป็นภาษาของอารมณ์”

ดนตรีกับการดำรงชีวิตของมนุษย์

ดนตรี เป็นวิจิตรศิลป์ที่มีความสัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์อย่างใกล้ชิด ชีวิตประจำวันของมนุษย์มักมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ดนตรี เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ (สุกรี เจริญสุข. 2532 : 4 – 7)

1. เกี่ยวข้องกับปรัชญาชีวิต คนตะวันตกเชื่อว่าวิญญาณกลับไปสู่พระเจ้า โดยอาศัยเสียงดนตรี จะได้ได้ว่า ดนตรีในสังคมตะวันตกเป็นเรื่องของจิต เรื่องของวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับความสะอาด ความสูงส่งของดนตรีทำให้ดนตรีเจริญ สำหรับคนตะวันออกในอดีตมีความเชื่อว่า “ ดนตรี ” เป็นวิชาชั้นต่ำ เป็นกิเลส เป็นข้าศึกแห่งกุศล ดังนั้นดนตรีในสังคมตะวันออกจึงค่อนข้างตกต่ำ ไม่ได้รับการพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองดังชาติตะวันตก

2. ดนตรีเกี่ยวข้องกับจิต เมื่อดนตรีเป็นสื่อ หรือพาหะที่จะนำให้จิตไปสู่ภาวะใดภาวะหนึ่ง ทำให้จิตดำ หรือทำให้จิตขาวก็ขึ้นอยู่กับพาหะ เมื่อวิญญาณกลับไปสู่พระเจ้าด้วยดนตรี ดนตรีก็เป็นเรื่องบริสุทธิ์ ขณะเดียวกันดนตรีเป็นอกุศล มีศีลข้อที่เจ็ดของพุทธศาสนา ให้ละเว้นการขับร้องและประโคมดนตรี ดนตรีก็เป็นของชั้นต่ำ ดังเช่นคำกลอนในวรรณคดีเรื่อง “ พระอภัยมณี ” ของ สุนทรภู่ กล่าวแสดงความคิดว่า ดนตรีเป็นหน้าที่ของทาส และไพร่ ดังคำกลอนต่อไปนี้


“อันดนตรีปี่พาทย์ตะโพนเพลง เป็นนักเลงเหล่าโลนเล่นโชนหนัง
แม้พวกกูผู้หญิงที่ในวัง มันก็ยังเรียนร่ำจนชำนาญ”
และอีกแง่มุมหนึ่งในเรื่อง “พระอภัยมณี” กล่าวถึง คุณค่าของดนตรี ดังนี้
“แม้นปี่เราเป่าให้ได้ยิน ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา”


นอกจากนี้ ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้กล่าวถึงดนตรีมีคุณค่าต่อจิตที่บริสุทธิ์ มีความสะอาด
โดยกล่าวว่า “ดนตรีและศิลปะบริสุทธิ์มีคุณ สนับสนุนความมีจิตว่าง เมื่อดนตรีหยาบ ๆ ก็มีโอกาสที่จะทำให้จิตที่สัมผัสกับดนตรีหยาบตามไปด้วย ทำนองเดียวกัน ดนตรีที่ละเอียดอ่อน เมื่อสัมผัสกับจิตก็มีโอกาสทำให้จิตละเอียดอ่อนตามไปด้วย ดนตรีจึงเป็นเพียงสื่อที่จะนำไปสู่ความดำ หรือความขาวได้

3. ดนตรีเกี่ยวข้องกับศาสนาและพิธีกรรม เมื่อดนตรีสามารถเป็นสื่อชักนำไปสู่ความดำหรือความขาว นักการศาสนาจึงนำเอาดนตรีไปเป็นอุปกรณ์การสอน ปรุงแต่งเพื่อช่วยให้คนเข้าใจศาสนาได้ง่ายขึ้น โดยใช้ในรูปของเพลงสวด ดนตรีประกอบพิธีกรรม สำหรับในพุทธศาสนาก็มีเพลงสาธุการ เพลงหน้าพาทย์ ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ส่วนประเทศทางตะวันตก ดนตรีที่ใช้ในอดีตมักเป็นดนตรีที่ใช้ในพิธีกรรมเกือบทั้งสิ้น

4. ดนตรีเกี่ยวข้องกับการเมือง ในรูปของเพลงปลุกใจ ปลุกศิลปวัฒนธรรมปลุกความสามัคคีของคนในสังคม เพลงประจำชาติ เพลงเกียรติยศ ล้วนแล้วแต่เป็นดนตรีที่เกี่ยวกับการเมืองทั้งสิ้น ขงจื้อ นักปราชญ์จีนเขียนไว้ว่า “ประสบการณ์ของมนุษย์ชาติหลายศตวรรษแล้วได้ชี้ให้เห็นว่า ไม่มีสิ่งใดจะเชื่อมความสัมพันธ์ของมนุษย์ให้กระชับได้ดีเท่าเสียงดนตรี และเสียงเพลง ดนตรีนำความสามัคคีมาสู่ป่วงชน ดนตรีเป็นภาษาสากลที่ทุกคนรับรู้ได้ สัญลักษณ์เป็นสื่อภาษาทางปัญญา ในขณะที่ดนตรีเป็นสื่อแห่งหัวใจ” (สุกรี เจริญสุข : 99 ปี เพลงสรรเสริญพระบารมี)

5. ดนตรีเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ในโลกปัจจุบัน ธุรกิจถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต เมื่อมีเสียงดนตรีก็ย่อมมีธุรกิจการดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น เพลงประกอบโฆษณา สินค้า เทปเพลง แผ่นบันทึกเสียง (แผ่นเสียง, แผ่น C.D) วิดีโอ. เพลงรูปแบบต่าง ๆ รายการวิทยุ โทรทัศน์ ทุกรายการต่างก็มีดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง ธุรกิจการดนตรีมีส่านกระตุ้นให้มนุษย์ได้เรียนรู้ดนตรี ทั้งทางบวกและทางลบ ธุรกิจเป็นเครื่องมือที่ทำให้คุณภาพของดนตรีมีการเปลี่ยนแปลงไปตามคลื่นของความเปลี่ยนแปลง

6. ดนตรีเกี่ยวข้องกับการศึกษา เมื่อดนตรีเกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรม ซึ่งมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดกับจริยศาสตร์ ในการที่จะขัดเกลาจิตใจคนในสังคมให้สามารถอยู่ร่วมกันดนตรีเป็นสื่อนำไปสู่การศึกษาชีวิตในแง่มุมต่าง ๆ ดังคำกล่าวที่ว่า “เรียนดนตรีเพื่อพัฒนาคุณภาพของคน แล้วคนนำออกไปพัฒนาคุณภาพชีวิต”

7. ดนตรีเกี่ยวข้องกับการบำบัด ดนตรีบำบัด (Music Therapy) หมายถึงการนำดนตรี และกิจกรรมดนตรีต่าง ๆ ไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพในด้านต่าง ๆ ของตนเองได้ และสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข

8. ดนตรีเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม มนุษย์แต่ละกลุ่มชนต่างก็มีวัฒนธรรมคล้ายคลึงหรือแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพที่อยู่อาศัย การดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ ความเชื่อ ภาษา การสื่อสาร พิธีกรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ ของแต่ละกลุ่มชน ดนตรีที่รับใช้มนุษย์ในแต่ละกลุ่มชนจึงมีความสัมพันธ์กับสภาพความเป็นอยู่ เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบสูงทำนองมักจะสูง ๆ ต่ำ ๆ ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่ราบลุ่มทำนองมักจะราบเรียบ ไม่ค่อยกระโดดเครื่องดนตรี ที่บรรเลงก็มักถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่หาได้โดยทั่วไปในท้องถิ่น เช่น ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคที่มีไม้ไผ่มาก เครื่องดนตรีส่วนใหญ่ก็มักจะสร้างด้วยไม้ไผ่ เป็นต้น
บทเพลงที่ถูกสร้างขึ้นของมนุษย์แต่ละกลุ่มชน จึงมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองตามรูปแบบของการดำรงชีวิต ความเชื่อ ตามขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของแต่ละกลุ่มชน

เครื่องดนตรีไทยพื้นเมือง

เครื่องดนตรีไทย ประเภท เครื่องดนตรีไทยพื้นเมือง


เครื่องดนตรีไทยพื้นเมือง หมายถึง เครื่องดนตรีที่ใช้เล่นกันเพื่อความบันเทิง หรือเล่นประกอบ การแสดงพื้นเมือง ตามท้องถิ่นต่าง ๆ เครื่องดนตรีพื้นเมือง จะมีลักษณะแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ทั้งนี้เนื่องจาก สภาพภูมิศาสตร์ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และลักษณะนิสัย ของประชาชนในแต่ละท้องถิ่น มีความแตกต่างกัน เครื่องดนตรีพื้นเมืองของไทย จำแนกตามภูมิภาคได้เป็น 3 ภูมิภาค คือ
•เครื่องดนตรีพื้นเมืองภาคเหนือ
•เครื่องดนตรีพื้นเมืองภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
•เครื่องดนตรีพื้นเมืองภาคใต้

ดนตรีไทยกับการแสดง




ดนตรีไทยกับการแสดง


ดนตรีไทยกับการแสดงมีความสัมพันธ์กันอย่างมากจนไม่สามารถแยกจากกันได้การบรรเลงดนตรีอย่างเดียวแม้จะสร้างความรู้สึกและอารมณ์ให้ผู้ฟังได้แต่ก็ยังไม่ปรากฏต่อสายตาสมจริงหรือความสะใจเท่ากับการได้ฟังดนตรีบรรเลง ได้ฟังการขับร้อง และได้เห็นการแสดงพร้อมกัน เป็นความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้






11/08/2550

ที่มาของการขับร้อง

ที่มาของการขับร้อง
* บทร้องจากวรรณคดี คัดมาจากวรรณคดี นำมาเฉพาะตอนที่มีความหมายดี ลักษณะการประพันธ์ถูก มีโวหารดี
* จากการประพันธ์เพื่อขับร้อง ประพันธ์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความเพลิดเพลิน หรือเพื่อสอดแทรกคติ ส่วนใหญ่จะบรรยายความงามของธรรมชาติ ความงามของผู้หญิง คติและสุภาษิต
รูปแบบการขับร้องเพลงไทย
* การขับร้องเคร้าดนตรี คือการขับร้องที่ผู้ร้อง ร้องไปทางผู้ร้อง ดนตรีบรรเลงไปทางดนตรี การขับร้องกับดนตรีจะไปกันคนละทาง
* การขับร้องคลอดนตรี คือการขับร้องที่ผู้ร้อง ร้องพร้อมดนตรี ดนตรีจะบรรเลงไปพร้อมกับผู้ร้อง หรือ ดนตรีจะบรรเลงปรับแนวให้เข้ากับการร้อง
* การขับร้องให้ดนตรีรับส่ง คือผู้ร้องจะร้องก่อน พอร้องจบท่อนดนตรีจะรับสลับกันไปทุกท่อน
หลักในการขับร้องเพลงไทย
หลักในการขับร้องเพลงไทย เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่จะฝึกหัดรับร้องเพลงไทย หรือผู้ที่จะเป็นนักร้อง เพราะการที่จะเป็นนักร้องที่ดีนี้นมีใช่เกิดจากผู้ร้องนั้นมีเสียงไพเราะ หรือที่เรียกกันว่าเสียงดีเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องยึดหลักในการขับร้องดังนี้
* เนื้อเพลง คือทำนองที่เปล่งออกมาเป็นเสัยงสูง ต้ำ ไปตามลีลาของเพลง สามารถฟังออกว่า เป็นทำนองเพลงอะไร เช่น ลาวดวงเดือน ลาวเจริญศรี เป็นต้น จะต้องรักษาไว้ให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามที่ผู้ประพันธ์ได้ประพันธ์ไว้ จะขาดหรือเกินไม่ได้
* ทำนอง หมายถึงวิธีตบแต่งบทเพลง หรือการทำเสียงสูงๆ ต่ำๆ แต่ให้ถูกต้องกับลีลาการประพันธ์ของทำนองเพลงในแต่ละเพลง
* เสียง นอกจากจะมีเสียงที่ไพเราะแล้ว ผู้ขับร้องยังต้องรักษาระดับเสียงให้คงที่ เข้ากับเสียงดนตรีได้เหมาะสม โดยไม่เพี้ยนหรือร้องไม่ตรงกับเสียงของดนตรี
* ถ้อยคำและการแบ่งวรรคตอนในการร้องเพลงนั้น ผู้ขับร้องที่ดีจะต้องระมัดระวังในเรื่องการออกเสียงตามถ้อยคำที่เป็นเนื้อร้องให้ชัดเจน เช่น การออกเสียง ร ล คำควบกล้ำ ให้ถูกต้องชัดเจน และการแบ่งวรรคตอนที่เป็นคำประพันธ์ประเภทต่างๆ
* จังหวะ ผู้ขับร้องจะต้องระวังรักษาจังหวะให้ถูกต้องสม่ำเสมอ สามารถรู้ได้ว่าร้องตอนใด ลงจังหวะฉิ่ง หรือฉับ หรือร้องคร่อมจังหวะ
* การหายใจ ผู้ขับร้องจะต้องหายใจให้ตรงจังหวะ และรู้จักผ่อน และถอนลมหายใจให้ถูกต้อง
ถ้าหายใจผิดที่นะทำให้เสียง หรือทำนองที่ควรจะติดต่อกันขาดหายไป หรือห้วนไป ทำให้เพลงขาดความไพเราะนุ่มนวล

เพลงไทย

เพลงไทย หมายถึง เพลงที่แต่งขึ้นตามหลักของดนตรีไทย มีลีลาในการขับร้องและบรรเลงแบบไทยโดยเฉพาะ
และแตกต่างจากเพลงของชาติอื่นๆ เพลงไทยแต่เดิมมักจะมีประโยคสั้นๆ และมีจังหวะค่อนข้างเร็ว ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดมาจากเพลงพื้นบ้าน หรือเพลงสำหรับประกอบการรำเต้นเพื่อความสนุกสนานรื่นเริง ต่อมา เมื่อต้องการจะใช้เป็นเพลงสำหรับร้องขับกล่อม และประกอบการแสดงละคร ก็จำเป็นต้องประดิษฐ์ทำนองให้มีจังหวะช้ากว่าเดิม และมีประโยคยาวกว่าเดิม ให้เหมาะสมที่จะร้องได้ไพเราะ จึงได้คิดแต่งทำนองขยายส่วนขึ้นจากของเดิมเป็นทวีคูณ เรียกเพลงในอัตรานี้ว่า เพลงสองชั้น เพราะต้องแต่งขยายจากเพลงเดิมอีกชั้นหนึ่ง และเรียกเพลงในอัตราเดิมนั้นว่า เพลงชั้นเดียว

ประเภทของเพลงไทย อาจแบ่งออกได้เป็นพวกๆ คือ
1. เพลงสำหรับบรรเลงดนตรีล้วนๆ ไม่มีการขับร้อง เป็นเพลงที่ใช้บรรเลงประโคมพิธีต่างๆ เพลงโหมโรง และเพลงหน้าพาทย์ จะเป็นเพลงสำหรับใช้ประกอบกิริยาอาการและแสดงอารมณ์ต่างๆ ของการรำ
2. เพลงสำหรับขับร้อง คือ เพลงซึ่งร้องแล้วรับด้วยการบรรเลง เรียกว่า ร้องส่งดนตรี เช่น เพลงประกอบการขับเสภา(ร้องส่งเสภา) เพลงที่ร้องส่งเพื่อฟังไพเราะทั่วไป ส่วนมากจะเป็นเพลงเถาและเพลงตับ
3. เพลงประกอบการรำ คือ เพลงร้องตามบทร้อง ให้ผู้รำได้รำตามบทหรือเนื้อร้อง ส่วนมากจะเป็นเพลงสองชั้น เพื่อให้เหมาะกับการรำไม่ช้าไปไม่เร็วไป นอกจากนั้น ก็ยังใช้เพลงหน้าพาทย์ประกอบการแสดงกิริยาอาการของผู้แสดงอีกด้วย